Reverse Diet ทานอาหารแบบReverse Dietจะเสี่ยง (Yo-Yo Effect) ต่อสุขภาพไหม หรือปัญหาเรื่องปัญหาระบบการเผาผลาญอาหารในร่างกายเนื่องมาจาก “การกินน้อย” ทำให้การเผาผลาญลดลง และกินแบบนี้สุขภาพจะพังเร็วกว่าเดิมไหม เรามาทำความเข้าใจ

การทานอาหารแบบ Reverse Diet ว่ามีผลต่อสุขภาพของเรายังไง
ก่อนอื่นต้องเข้าใจคำนิยามของ Reverse Diet ก่อนมันคือการฟื้นฟูระบบการเผาผลาญอาหารหลังจากเราเข้าคอร์สลดน้ำหนัก ออกกำลังกายลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพ หรือปรับโภชนาการแบบ Weight Loss มาสักระยะหนึ่งของสุขภาพแล้ว ซึ่งการลดแบบเคร่งครัดตั้งแต่เริ่มจะทำให้การเผาผลาญทำงานต่ำลง เนื่องจากการได้รับแคลอรีน้อยลงส่งผลทำให้สุขภาพมีโอกาสกลับมามีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงต้องมีการฟื้นฟูระบบการเผาผลาญอาหารเพื่อให้สามารถกลับมาทานได้ตามปกติโดยไม่หักดิบ และให้สุขภาพอยู่ตัวมากที่สุด

สุขภาพของแต่ละคนมีอัตราการเผาผลาญแต่ละคนไม่เท่ากัน รูจะต้องดูที่ TDEE หลังจากพึงพอใจในรูปร่างและน้ำหนักแล้ว ทั้งนี้ต้องไม่ให้ไขมันเกิดขึ้นมาก โดยต้องค่อยๆ เพิ่มทีละ 50-100 Kcal/Week จะดีที่สุด โดยแบ่งทีละสัปดาห์โดยไม่เพิ่มเยอะแบบทันทีทันใด เพื่อปรับสุขภาพให้ดีขึ้น สามารถกลับมากินด้วยความสบายใจ แต่ต้องเช็คเรื่องของ Body Composition ให้ละเอียดทุกสัปดาห์เพื่อป้องกันน้ำหนักตัวพุ่งขึ้นไม่ทันตั้งตัว ยกตัวอย่าง
คุณสมหญิงมี TDEE (ค่าพลังงานที่ใช้ในแต่ละวันหลังจากคำนวณรวมกับ BMR แล้ว) เท่ากับ 1300 Kcal หลังจากควบคุมน้ำหนักแล้ว ร่างกายต้องการปรับเป็น Reverse Diet ในแต่ละสัปดาห์โดยเพิ่มทีละ 50-100 Kcal/Week จะได้ 1350 Kcal และค่อยๆ เพิ่มตามลำดับ

ข้อดีของ Reverse Diet
ข้อดีของการรับประทานแบบReverse Diet นั้น อันดับแรกคือสุขภาพไม่โทรมเร็ว เพราะค่อยๆ ฟื้นฟูระบบการเผาผลาญอาหารแบบเป็นขั้นตอน จะทำให้กลับมากินแบบมีความสุขขึ้น อันดับต่อมาคือสามารถออกกำลังกายได้มากขึ้นเนื่องจาก Energy Intake(พลังงานที่รับเข้ามา เช่น การกินอาหาร) เพิ่มขึ้น ทำให้การออกกำลังกายสามารถออกแรงได้มากขึ้น ร่างกายมีเรี่ยวแรงเพิ่มขึ้น
ฝากกดติดตามเคล็ดลับสุขภาพ
ข่าวสารสุขภาพที่น่าสนใจสิ่งสำคัญในการออกกำลังกายและ การดูสุขภาพในยุค 2020 ให้แข็งแรงอยู่เสมอทำเองได้ง่าย ๆ