“การฝึกจิตให้ฟิตพิชิต” ความโกรธ หากกล่าวถึงวลีเด็ดอย่าง “โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า” เชื่อเหลือเกินว่าแทบทุกท่านในที่นี้คงรู้กันเป็นของดีว่า “พระพยอม” ท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์นี้จนเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีหรือจะว่าไปว่าเป็นการสร้างชื่อของท่านก็ว่าได้เลยทีเดียว โดยวลีนี้นั้นมันใช้ได้กับความโกรธได้เป็นอย่างดี
รวมทั้งยังเป็นคติธรรมคำสอนคอยเตือนในให้เราฝึกจิตฝึกใจให้ระงับความโกรธ ซึ่งมีแต่ข้อเสียกับเสียอยู่ที่ว่าจะเล็กน้อยหรือใหญ่โตจนถึงขั้นติดคุกติดตารางกันอย่างที่เห็นตามสื่อต่าง ๆ ที่คนไม่ได้ฝึกจิตพิชิตความโกรธไม่ได้จนบานปลายถึงฆ่ากันตายก็มี

“การฝึกจิตให้ฟิตพิชิต” ความโกรธ ดีอย่างไร….?
พระพุทธเจ้าทรงจำแนกความโกรธออกเป็น 3 แบบแยกตามดีกรีความรุนแรงจากมากไปน้อยไล่ตั้งแต่แบบแรกที่พระองค์ทรงอุปมาความโกรธเหมือนดังรอยขีดบนหินที่ยากที่จะเจือจางลงได้อย่างง่าย ๆ เอาแบบบ้าน ๆ นั่นก็คือความโกรธแบบแค้นฝังหุ่นติดตรึงใจไปกันจนวันตาย ส่วนแบบที่ 2 นั้นมันเป็นความโกรธแบบรอยขีดบนพื้นดิน
ซึ่งใช้เวลาไม่นานนักรอยขีดนั้นก็ค่อย ๆ หายไปตามสายลมหรือฝนรวมไปจนถึงผู้คนเดินผ่าน สุดท้ายเป็นความโกรธที่ผู้ฝึกจิตระลึกอยู่เสมอนั่นก็คือเปรียบดังรอยขีดบนผิวน้ำ ซึ่งใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาเท่านั้นมันก็หายไปแล้ว โดยผู้ที่มีการฝึกจิตมาเป็นอย่างดีย่อมต้องมีสติและอยู่กับปัจจุบัน และทันทีที่รู้สึกมีความโกรธขึ้นมาก็จะสามารถกลับมาดูจิตดูใจระลึกถึงข้อเสียของมันจนระงับไปได้ไม่ยาก

นอกจากการฝึกจิตให้เข้มแข็งแล้วนั้นมันก็ยังมีอีกหลายวิธีที่จะทำให้เราเอาชนะเจ้าความโกรธนี้ได้ โดยอาจใช้กันหายใจเข้าออกลึก ๆ หรือนับ 1 – 10 ช้า ๆ รวมไปจนกระทั่งการออกกำลังกายก็ช่วยผ่อนคลายความโกรธได้ดีไม่แพ้กัน ดังนั้นพวกเราจงรู้เท่าทันพิษสงของเจ้าความโกรธและระงับมันให้ได้เมื่อมันแทบจะแวะเวียนมาทดสอบสภาพจิตใจของเราไม่เว้นวันเลยก็ว่าได้

ฝากกดติดตามข่าวสุขภาพทั่วไปและการป้องกันโรค