แซลมอนป่า VS แซลมอนฟาร์ม
อาหารเพื่อสุขภาพ

แซลมอนป่า VS แซลมอนฟาร์ม มีประโยชน์และความเสี่ยงต่อสุขภาพอย่างไร

แซลมอนป่า VS แซลมอนฟาร์ม ปัญหาใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อคุณเลือกซื้อปลาแซลมอน…คุณรู้หรือไม่ว่าปลาแซลมอนให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ปริมาณมากซึ่งร่างกายของคุณไม่สามารถสังเคราะห์เองได้ ดังนั้นวิธีเดียวที่จะทำให้ร่างกายได้รับก็คือการรับประทานเข้าไป แต่ก็ยังมืเรื่องราวที่น่าตกใจเกี่ยวกับสารปนเปื้อนและความเสี่ยงของปลาแซลมอนแต่ละชนิดด้วย

แซลมอนป่า VS แซลมอนฟาร์ม1

แซลมอนป่า VS แซลมอนฟาร์ม 2 ชนิดแตกต่างกันอย่างไรทางโภชนาการอาหาร

ในฐานะผู้บริโภคปลาแซลมอนต้องทำอย่างไร

ยังคงมีการถกเถียงกันระหว่างแซลมอนฟาร์มและแซลมอนป่า (แซลมอนตามธรรมชาติ) ว่าสิ่งไหนดี เพราะหากเปรียบเทียบตามสัดส่วนความต้องการแล้ว แซลมอนฟาร์มมีความจำเป็นและเป็นที่ต้องการอย่างยิ่งในกลุ่มผู้บริโภค เนื่องจากมีผู้บริโภคมาก และเป็นไปไม่ได้เลยที่จำนวนแซลมอนป่าจะมีเพียงพอ ดังนั้นการทำฟาร์มแซลมอนจึงเป็นระบบที่พยายามพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเพื่อทดแทนข้อด้อยที่เกิดขึ้น ได้แก่

แซลมอนป่า VS แซลมอนฟาร์ม มีประโยชน์
  • คุณค่าทางโภชนาการ

ตามข้อมูลของ USDA พบว่ามีความแตกต่างทางโภชนาการระหว่างแซลมอนป่าและแซลมอนฟาร์ม โดยแซลมอนป่า มีแคลอรีน้อยกว่า 131 แคลอรี และมีไขมันครึ่งหนึ่งขอแซลมอนที่เลี้ยงในฟาร์มขนาดเท่ากัน (วัดจากขนาด 1 ชิ้นสเต๊ก) ทว่าแซลมอนฟาร์มมีกรดไขมันโอเมก้า 3 มากกว่าเล็กน้อย แต่ก็มีปริมาณไขมันอิ่มตัวเพิ่มขึ้น 20.5% ซึ่งเป็นไขมันที่คุณไม่ต้องการ

แซลมอนป่า VS แซลมอนฟาร์ม-คุณค่าทางโภชนาการ
  • มลพิษ

สารมลพิษอินทรีย์ (POPs) เป็นสาเหตุของโรคหลายชนิด รวมถึงโรคเบาหวานประเภท 2 และโรคอ้วน มีหลักฐานบ่งชี้ว่าโรคอ้วนอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคเบาหวานได้มากขึ้นเมื่อมี POPs อยู่ในร่างกายของคุณ และประเภทที่เฉพาะเจาะจงของ POPs เพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองในผู้หญิง เนื่องจากระดับ PCB (Polychlorinated Biphenyl) ซึ่งเป็น POPsประเภทหนึ่งในแซลมอนฟาร์มมีระดับสูงกว่าแซลมอนป่าถึง 5-10 เท่า

แซลมอนป่า VS แซลมอนฟาร์ม-สารเคมีที่ก่อให้เกิดมะเร็ง
  • สารเคมีที่ก่อให้เกิดมะเร็ง

แม้ว่าแซลมอนทั้งคู่จะให้กรดไขมันโอเมก้า 3 แต่การกินปลาทั้งสองในปริมาณมากเพื่อให้ได้ประโยชน์เต็มที่อาจทำให้คุณได้รับสารเคมีที่ก่อให้เกิดมะเร็ง สารเคมีเหล่านี้มาจากปลาในน้ำที่มีมลพิษจากการว่ายเข้ามา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมแหล่งที่มาของโอเมก้า 3 ของคุณจึงควรหลากหลาย และเป็นเรื่องอันตรายหากจะเน้นกินปลาเพียงอย่างเดียวเพื่อให้ได้รับสารอาหารนี้เพียงพอ มีการศึกษาชิ้นหนึ่งสรุปไว้ว่า ปลาแซลมอนแปซิฟิกป่ามีอัตราส่วนความเสี่ยงของสารก่อมะเร็งและสารที่ไม่ใช่สารก่อมะเร็งมากกว่าปลาแซลมอนแอตแลนติกที่เลี้ยงในฟาร์ม

แซลมอนป่า VS แซลมอนฟาร์ม-อันตรายหากจะเน้นกินปลาเพียงอย่างเดียว
  • สารปนเปื้อน

สารปนเปื้อนในแซลมอนฟาร์มโดยทั่วไปสูงกว่าแซลมอนป่า แต่อย่างไรก็ตามสารปนเปื้อนในแซลมอนฟาร์มต่ำกว่าระดับที่องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาอนุมัติ แต่ก็ยังเกินระดับที่ถือว่าปลอดภัยสำหรับ “การบริโภคบ่อยๆ” ในทำนองเดียวกันงานวิจัยอื่นๆ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าสตรีในวัยเจริญพันธุ์และสตรีมีครรภ์ควรเลือกปลาแซลมอนป่าหรือแหล่งกรดไขมันโอเมก้า 3 อื่นๆ เสริม เพราะแซลมอนป่าและฟาร์มต่างมีสารปนเปื้อน ทว่าแซลมอนป่ามีระดับต่ำกว่าและถือว่าปลอดภัยกว่าโดยรวม

แซลมอนป่า VS แซลมอนฟาร์ม-มีกรดไขมันโอเมก้า 3
  • กังวลเกี่ยวกับยาปฏิชีวนะ

มีการถกเถียงกันอย่างมากในช่วงปลายทศวรรษ 1990 – 2000 เมื่อมีการนำเข้าปลาแซลมอนของชิลีไปยังญี่ปุ่น ซึ่งพบว่ามีปริมาณยาปฏิชีวนะสูงกว่าที่อนุญาตภายใต้ข้อบังคับ ข้อกังวลคือการได้รับยาปฏิชีวนะมากเกินไปอาจทำให้เกิดการดื้อยาได้ แม้ปัจจุบันการใช้ยาปฏิชีวนะในฟาร์มปลาจะลดลง แต่ยังไม่ชัดเจนว่ายังคงมีการใช้อยู่มากเพียงใด จึงสรุปได้ว่าแซลมอนฟาร์มมีความไม่แน่ใจเกี่ยวกับการใช้ยาปฏิชีวนะ ส่วนแซลมอนป่าไม่มี

ทั้งแซลมอนฟาร์มและแซลมอนป่ามีสารอาหารที่เราทุกคนต้องการ แต่ต่างก็มีความเสี่ยงในแต่ละแบบ หากคุณต้องการได้รับประโยชน์ต่อสุขภาพ ทางออกที่ดีที่สุดของคุณคือการจัดสรรปริมาณบริโภค เพื่อลดสิ่งปนเปื้อนที่อาจได้รับสู่ร่างกาย เพิ่มแหล่งอาหารที่มีประโยชน์ที่ให้คุณค่าคล้ายคลึงกันเข้ามา แทนที่จะมุ่งเน้นบริโภคเพียงแซลมอนอย่างเดียวก็ช่วยได้ และที่สำคัญไม่ควรบริโภคหนัง (ในกรณีที่คุณอ่อนไหวต่ออาการแพ้อาหารหรือตั้งครรภ์) เพราะเป็นจุดเสี่ยงปนเปื้อนและมีสารตกค้างมากที่สุด

สามารถกดติดตาม เคล็ดลับสุขภาพ ในการดูแลตัวเองให้ห่างไกลโรค
บทความสุขภาพดี ๆที่น่าสนใจ เนื้อสัตว์ ที่เราควรเลือกทาน มากที่สุดก็ต้องเป็นเนื้อสัตว์ไขมันน้อยหรือเนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำ