คนที่เข้าคลินิกเพื่อตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำมักจะไม่ค่อยเจอ ปัญหาฟันแตกร้าว เท่าไรนัก เนื่องจากตัวฟันได้รับการทำนุบำรุงมาโดยตลอด เว้นเสียแต่ว่าจะเผลอไปกัดของแข็งเข้าเท่านั้นเอง แต่คนที่พบหมอฟันเฉพาะตอนที่รู้สึกปวดฟันหรือมีความผิดปกติบางอย่าง คนกลุ่มนี้จะมีรอยร้าวของฟันอย่างเห็นได้ชัดเมื่ออายุมากขึ้น แม้ว่าจะไม่เคยกัดกินอะไรที่แข็งเกินไปเลยก็ตาม ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นเดี๋ยววันนี้เราจะมาอธิบายให้เข้าใจกัน ปัญหาฟันแตกร้าว อันตรายหรือไม่ทำอย่างไรเมื่อมีอาการฟันแตกร้าว ปกติร่างกายคนเราจะมีปริมาณแคลเซียมลดน้อยลงเรื่อยๆ สภาพกระดูกรวมถึงโครงสร้างทั้งหมดที่เป็นของแข็งในร่างกาย ก็จะค่อยๆ ผุกร่อนไปตามเวลา อาการฟันแตกร้าวก็ถือเป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกถึงการดำเนินไปของความเสื่อมโทรมนี้ การดูแลสุขภาพ ในชีวิตประจำวัน ยิ่งกับคนที่ชอบทานอาหารซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดกัดกร่อน เช่น น้ำผลไม้รสเปรี้ยว น้ำอัดลม โซดา เป็นต้น กลุ่มนี้ยิ่งมีโอกาสที่ฟันจะโดนกัดกร่อนสูงกว่าคนอื่นๆ เว้นแต่ได้มีการทำความสะอาดฟันทุกครั้งหลังทานอาหารเหล่านั้น ต่อมาเป็นเรื่องของอุณหภูมิ อย่าลืมว่าฟันอยู่กับเรามานานหลายปีแล้ว ทุกครั้งที่ทานอาการ ความร้อนและเย็นที่สลับสับเปลี่ยนกันไป ตัวฟันต้องเผชิญมาไม่รู้กี่ครั้ง ปัญหาของอาการเสี่ยวฟัน อาการฟันแตกร้าวก็เป็นธรรมชาติเช่นเดียวกับวัสดุที่เป็นของแข็งชนิดอื่นบนโลกนั่นเอง เมื่อมันยืดหดบ่อยครั้ง ก็มีการสะสมความแตกร้าวทีละนิด นานไปจึงต่อกันเป็นทางยาวจนเรามองเห็นได้ ครั้นจะแก้ไขตอนนั้นก็ดูเหมือนจะสายไปแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ลืมไปไม่ได้เลยก็คือ สภาวะการนอนที่ไม่ปกติ บางคนนอนกัดฟันแบบไม่รู้ตัว แล้วก็เป็นแบบนี้มานานมากแล้ว ช่วงวัยรุ่นตัวฟันยังแข็งแรงดีจึงไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง พอแก่ตัวลงถึงค่อยเห็นร่องรอยของฟันแตกร้าวได้ วิธีการดูแลป้องกันที่ดีที่สุดจึงเป็นการเข้าพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยก็ควรจะทำทุก 6 เดือน จะได้เห็นความเสียหายตั้งแต่แรกเริ่ม พร้อมกับได้รับคำแนะนำในการใช้งานฟันอย่างถูกต้องเหมาะสมด้วย ขอขอบคุณข้อมูลดารดูแลสุขภาพฟันดี ๆ […]
