โรคติดหวาน หลายคนรู้แก่ใจดีว่าการกินของหวานเป็นประจำไม่ดีต่อรูปร่างและสุขภาพแต่พยายามอย่างไรก็ลด ละ เลิกไม่ได้ซะที วันนี้เราจะมาบอกวิธีลดหวานง่ายๆ ที่ไม่ทำร้ายจิตใจคนชอบกินหวานกัน วิธีแก้ปัญหา โรคติดหวาน ชอบกินของหวานอย่างได้ผลยั่งยืน เช็กตัวเองก่อน! ก่อนอื่นต้องพิจารณาด้วยใจที่เป็นกลางถึงการติดหวานของตนเองว่า ปกติหรือเข้าขั้นวิกฤติแค่ไหนแล้ว จะทำให้คุณเห็นความจริงและทราบว่าควรแก้ไขตรงจุดไหน ตระหนักในความวุ่นวายของโรคติดหวาน นอกเหนือไปจากน้ำหนักเพิ่มเร็วสุขภาพไม่ดีเป็นสาเหตุของโรคภัยต่างๆ แล้ สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับคนชอบกินหวานก็คือ… – ทำให้หงุดหงิดโมโหง่ายหากไม่ได้กินหวานหรือร่างกายไม่ได้รับน้ำตาลพอเพียง – การดำเนินชีวิตหรือการกินอยู่ยากขึ้น ไม่มีความสุขหรือกินไม่อร่อยหากสิ่งที่กินไม่หวานเพียงพอ– บางคนอาจต้องพกน้ำตาลเป็นกระปุก พกของหวานอย่างลูกอม คุกกี้ ช็อกโกแลต ไปทุกที่เพื่อเติมความหวานในแต่ละวัน ในชีวิตประจำวันเราได้รับน้ำตาลเกินพออยู่แล้วครับ– ทำให้อาการชอบกินหวานของเราเพิ่มเลเวลขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว เช่น ปกติเคยเติมน้ำตาล 2 ช้อนชาในกาแฟอาจเพิ่มเป็น 3 – 4 ช้อนชาในเวลาไม่นาน รีบแก้ไข หากพูดกันจริงๆ แล้วโรคติดหวานไม่ใช่โรค แต่เป็นภาวะหรืออาการอย่างหนึ่งเหมือนการไอ จาม ดังนั้นเมื่อเป็นแล้วจึงหายได้ แต่หากไม่รีบแก้ไข ถึงจะไม่ตักของหวานแม้ซักคำเข้าปาก แต่โรคที่เกิดจากความหวานหรือน้ำตาลก็ยังรุมเร้าไม่ปรานีเราแน่นอนตั้งใจจริง หากต้องการประสบความสำเร็จไม่ว่าจะทำสิ่งใดความตั้งใจจริงคือจุดเริ่มต้นที่เราต้องมี การเลิกติดหวานก็เช่นกัน ถ้าตั้งใจอะไรๆ ก็ง่ายขึ้น มีระเบียบวินัย การมีความเข้มงวดกับตัวเองในการเลิกหวาน ไม่อ่อนข้อให้ตัวเองและทำอย่างตลอดรอดฝั่ง จะทำให้เข้าใกล้เป้าหมายไปเกินครึ่งแล้วสังเกตตัวเอง คนชอบกินหวานควรหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงของตนเองในทุกๆ วันทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เพื่อจะได้เห็นข้อดีของการเลิกติดหวาน มีกำลังใจมากขึ้นที่สำคัญคือทำให้รู้ว่าตัวเองควรเลิกหวานแบบค่อยเป็นค่อยไปหรือหักดิบไปเลยดหมั่นแสวงหาข้อมูล คนที่เป็นโรคติดหวานควรเพิ่มเติมความรู้ใหม่ๆ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นแนวทางในการเลิกหวานอย่างถูกต้องต่อไป และนำความรู้ที่เหมาะสมกับตนมาปรับใช้ กดติดตามเว็บไซต์ การดูแลสุขภาพข่าวสารสุขภาพที่น่าสนใจ โรคเบาหวาน มหันตภัยเงียบที่น่ากลัวหมั่นดูแลสุขภาพกันให้ดี